วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554

ประกาศเรื่องการโอนเงินค่าคอมมิชชั่น
   



  ตารางบรรยาย(สาขาแพร่) เมษายน 2554
   



วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554

ธุรกิจขายตรง แชร์ลูกโซ่ ธุรกิจเครือข่าย ต่างกันอย่างไร

ธุรกิจขายตรง แชร์ลูกโซ่ ธุรกิจเครือข่าย ต่างกันอย่างไร
ธุรกิจขายตรง
เป็นจุดกำเนิดของธุรกิจทั้ง3รูปแบบเลยก็ว่าได้
ลักษณะการทำธุรกิจ
    ธุรกิจขายตรงสังเกตง่ายๆดูที่รายได้หลักของบริษัท จะได้มาจากการขายนั่นเอง
รายหลักได้ของสมาชิกที่ทำธุรกิจขายตรง ก็ได้มาจากเปอร์เซ็นต์จากการขาย
ดังนั้นคนที่จะทำธุรกิจนี้ ต้องเป็นนักขายมือทองทีเดียว จึงจะประสบความสำเร็จได้
รวมไปถึงสินค้าที่นำมาจำหน่ายก็ต้องสุดยอด หรือต้องมีจุดขาย ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจประกันชีวิต
แต่ธุรกิจขายตรงจะมีข้อจำกัดอยู่ที่เป็นงานที่ไม่สามารถหยุดทำได้
แชร์ลูกโซ่ (ความจริงไม่น่าจัดว่าเป็นธุรกิจได้)
แชร์ลูกโซ่นี้ผิดกฎหมายแต่ถ้าจับไม่ได้คาหนังคาเขา ก็ยังลอยนวลกันไป
ลักษณะการทำธุรกิจ
    เข้าใจว่าแชร์ลูกโซ่แบบดั้งเดิมนั้นจะหากินโดยใช้วิธีหาสมาชิกโดยบอกสมาชิกว่าให้นำเงินมาลงขันกัน
เพื่อให้บริษัทนำเงินไปลงทุนโดยที่สมาชิกไม่ต้องทำอะไรเลย ผู้คนจึงให้ความสนใจเนื่องจากเห็นว่าไม่ต้องทำอะไรก็ได้เงิน
แต่บริษัทเหล่านี้จะให้ผลตอบแทนเฉพาะในช่วงแรกเท่านั้นเพื่อจูงใจให้ผู้สนใจสมัครเป็นสมาชิกมากขึ้น
แต่เมื่อมีจำนวนสมาชิกมากขึ้นบริษัทก็จะปิดตัวหายเข้ากลีบเมฆไปเลยโดยที่ผู้เสียหายก็ไม่รู้จะไปเรียกร้องเอาเงินคืนจากใคร
เนื่องจากตัวบริษัทหรือที่ทำการบริษัทเหล่านั้นไม่มีอยู่จริง
แต่ในปัจจุบันก็ได้มีการดัดแปลงธุรกิจให้มีวิธีการหลากหลายมากยิ่งขึ้นโดยจะทำมาหากินกับการหาสมาชิกเป็นหลัก
แล้วก็หักหัวคิวกันเป็นรายๆไป อาจมาในรูปแบบของการหว่านล้อมแกมบังคับให้ซื้อสินค้าจำนวนมากๆ , ค่าสมัครสมาชิกที่แพง
การต่ออายุสมาชิก ฯลฯ ดังนั้นธุรกิจจึงต้องหาสมาชิกตลอดเวลา  ไม่มี สคบ. อย. ประเทศไทย
ส่วน สินค้าของธุรกิจนี้แทบจะไม่มีความหมาย หรือแทบจะไม่พูดถึงกันเลยทีเดียว ส่วนมากจะมีตัวสองตัว หรือเป็นสินค้าที่ไม่ความพิเศษอะไรเลย การทำงานจะไม่สามารถหยุดได้ต้องทำกันไปตลอดถึงจะมีรายได้ 
ปัจจุบันเราจะเห็นการทำธุรกิจประเภทนี้ระบาดหนักใน facebook,Hi5 ซึ่งเป็นการหลอกกินค่าหัวคิวกันเป็นทอดๆ
หลอกคนอื่นได้เยอะก็มีรายได้เยอะแต่มันไม่ยั่งยืนหรหรอกครับ แถมยังบาปอีกด้วย เพราะพวกนี้มันเป็นการหลอกกันแบบซึ่งๆหน้าเลย
ไม่มีการกระจายสินค้า ไม่มีกฎจรรยาบรรณการทำธุรกิจ ผิดกฎหมาย ไม่ผ่าน สคบ. ฯลฯ

 ธุรกิจเครือข่าย
ธุรกิจเครือข่ายอยู่ตรงกลางระหว่างขายตรงและแชร์ลูกโซ่ เปรียบเสมือนหมอกและควัน
ที่พูดแบบนั้นเพราะ
1.มันคล้ายกับธุรกิจขายตรงแบบเก่า
ธุรกิจเครือข่ายกระจายสินค้าสู่มือผู้บริโภคโดยผ่านเครือข่ายที่เราสร้างขึ้น
การกระจายสินค้าเป็นไปในลักษณะของการใช้ดีแล้วบอกต่อ ควบคู่กับการนำเสนอโอกาสทางธุรกิจ
โดยทั่วไปการนำเสนอไม่เน้นการขายสินค้าเพียงแต่ชี้ให้เห็นข้อดีและความคุ้มค่าของการทำการตลาดแบบเครือข่าย
หรือการขายไอเดียนั่นเอง ซึ่งมีผลตอบแทนมหาศาลโดยที่ผู้บริโภคไม่ได้เสียอะไร
เพียงแค่เปลี่ยนที่ซื้อสินค้าก็สามารถสร้างธุรกิจได้
ฉะนั้นธุรกิจเครือข่ายโดยส่วนมากที่ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายจะมีสินค้าที่คุณภาพสูงกว่าท้องตลาดเพื่อเป็นจุดขาย
เพื่อนๆอ่านแล้วอาจจะงงๆสรุปแล้วต้องขายหรือไม่ขายสินค้ากันแน่?!
สรุปง่ายๆอย่างนี้ครับคือ ไม่ขายสินค้าโดยตรงแต่เป็นการแนะนำให้รู้จักว่าใช้แล้วเห็นผลดีอย่างไร
ซื้อสินค้าใช้แล้วสร้างรายได้มากน้อยขนาดไหน  (บางคนไม่พูดถึงสินค้าเลยด้วยซ้ำ)
สมมติว่าปกติเพื่อนๆซื้อยาสีฟันที่ห้างแห่งหนึ่งเป็นประจำ แน่นอนว่ามันเกิดรายจ่ายแน่นอนไม่มีรายรับแต่ประการใด
แต่ถ้าเพื่อนๆเปลี่ยนที่ซื้อมาเป็นบริษัทที่ทำการตลาดแบบเครือข่าย (ที่ถูกต้องตามกฎหมาย มี สคบ.รับรอง)
เพื่อนๆจะได้แต้ม(Point Value)ติดตัวมาด้วยซึ่งไอ้แต้มที่ว่ามันก็คล้ายๆกับ Club Card
เวลาที่เราซื้อของที่ Lotus แต่มันต่างกันตรงที่ว่าในธุรกิจเครือข่ายแต้มของคนที่เราไปแนะนำให้เขามาซื้อ
และแต้มของคนอื่นๆที่อยู่ภายไต้สายงานหรือองค์กรของเราก็จะเป็นแต้มของเราด้วย
และแต้มเหล่านี้เองครับที่นำมาคิดเป็นรายได้ให้แก่สมาชิก และผลตอบแทนที่ได้จากแต้มเหล่านี้มันก็ไม่ใช่ตัวเลขหลักร้อยหลักพัน
แต่มันสามารถสูงถึงหลักแสนหลักล้านเลยทีเดียว แต่การที่เพื่อนๆจะร่วมธุรกิจเครือข่ายได้จะต้องมีนักธุรกิจมาแนะนำ
เพื่อนๆจึงจะสามารถทำธุรกิจได้ (ไม่สามารถสมัครโดยตรงกับบริษัทได้) เพราะเพื่อนๆจะต้องมีคนให้คำแนะนำและสอนงาน
ดังนั้นเราจึงพบว่าธุรกิจเครือข่ายจะต้องมีคนมาแนะนำนู่นนี่ให้เราเห็นอยู่บ่อยๆ
ซึ่งภาพดังกล่าวมันก็คล้ายๆกับการขายตรงแบบเก่าหรือการขายประกัน
แถมธุรกิจเครือข่ายบางตัวยังเน้นการขายสินค้าเป็นประเด็นหลักจึงทำให้ภาพลักษณ์ของธุรกิจเครือข่ายดูเพี้ยนๆไป
แต่ต่างกันตรงที่ธุรกิจเครือข่ายมันเป็นธุรกิจที่หยุดทำได้แต่รายได้ไม่หยุด และเป็นมรดกตกทอดได้
2.มันคล้ายกับแชร์ลูกโซ่ ตรงที่การทำธุรกิจต้องอาศัยการบอกต่อ
แต่สำหรับแชร์ลูกโซ่เพื่อนๆจะไม่ได้รู้รายละเอียดใดๆเลยนอกจากแค่การบอกว่าเป็นงานง่ายๆทำวันละ2-3ชั่วโมงรายได้เป็นแสน
พอเอาเข้าจริงมันก็คือการไปหลอกคนอื่นต่อกันไปเรื่อยๆ หยุดทำก็หยุดได้เงิน
ถ้าเรามีความรู้ผิวเผินอาจโดนหลอกไปทำแชร์ลูกโซ่แล้วคุณก็จะเกลียดธุรกิจเครือข่ายไปในตัวเพราะคุณนึกว่ามันคือตัวเดียวกัน
แต่สำหรับธุรกิจเครือข่ายนั้นสามารถสร้างรายได้หลักแสนหลักล้านได้แน่นอนแต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นงานง่ายๆ
และก็ไม่ใช่ว่ามันยากเกินความพยายามของคนเมื่อเทียบกับรายได้หลักแสนต่อเดือน
ซึ่งถ้าเป็นอาชีพอื่นคุณต้องเป็นระดับ CEO แหละครับถึงจะมีรายได้หลักแสน
เอาง่ายๆคือถ้าเพื่อนๆเป็นคนที่มีความพยายาม มีวินัยผมว่าเพื่อนๆทำอาชีพนักธุรกิจเครือข่ายสำเร็จแน่นอนครับ
ถามว่าต้องมีความพยายามระดับไหนล่ะ? ก็อย่างเช่นเพื่อนๆสามารถเรียนจบมหาลัยได้
เพราะถ้าเทียบกันแล้วผมว่าการเรียนกว่าจะจบได้นั้นมันยากกว่าทำธุรกิจเครือข่ายเยอะครับ
แต่ธุรกิจเครือข่ายมันไม่มีใครมาบังคับเรา เราก็เลยอาจจะถอดใจเลิกทำดื้อๆไปเลย
บางคนไม่จบมหาลัยก็ทำสำเร็จมาเยอะแยะครับแต่ประเด็นก็คือมีความพยายาม และมีวินัยนั่นแหล่ะครับ
ลักษณะการทำธุรกิจ
    ธุรกิจนี้มีสินค้าจำหน่าย แต่ไม่ได้เน้นให้เอาไปขายใคร คือเน้นให้สมาชิกได้ใช้เป็นหลัก
ดังนั้นสินค้าของธุรกิจนี้จะต้องสุดยอดเช่นกันเพื่อให้เกิดการใช้ซ้ำ สินค้าควรมีความโดดเด่น เป็นความต้องการของผู้บริโภค มี อย.ในหลายประเทศยิ่งดี มีแผนตอบแทนรายได้แก่นักธุรกิจที่ชัดเจน แน่นอน 
 
การทำธุรกิจเครือข่ายจึงมีแรงขับเคลื่อนจากสองทางนั่นคือ
1.มาจากความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภค และการอุปโภคเหล่านี้เองที่ทำให้เกิดรายได้สะท้อนกลับมา
2.แรงขับเคลื่อนจากผลตอบแทนในการทำธุรกิจเนื่องจากมีผลตอบแทนที่คุ้มค่า ข้อนี้เองที่เป็นแรงผลักดันตัวสำคัญในการขยายเครือข่ายอย่างรวดเร็ว

โดยส่วนมากแล้วบริษัทที่ทำเป็นเครือข่าย จะสามารถทำเป็นแบบขายตรงได้ด้วย
ดังนั้นบริษัทเดียวกัน คุณอาจจะเห็นสมาชิกบริษัทนั้น มีทั้งสไตล์ขายตรง และสไตล์เครือข่าย
ต่อไปนี้คุณคงไม่สับสนแล้ว เพราะบางท่านก็ยังไม่รู้ตัวว่าทำทั้ง 2 สไตล์เลย

พ่อรวยสอนลูกฉบับย่อ