วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554

ธุรกิจขายตรง แชร์ลูกโซ่ ธุรกิจเครือข่าย ต่างกันอย่างไร

ธุรกิจขายตรง แชร์ลูกโซ่ ธุรกิจเครือข่าย ต่างกันอย่างไร
ธุรกิจขายตรง
เป็นจุดกำเนิดของธุรกิจทั้ง3รูปแบบเลยก็ว่าได้
ลักษณะการทำธุรกิจ
    ธุรกิจขายตรงสังเกตง่ายๆดูที่รายได้หลักของบริษัท จะได้มาจากการขายนั่นเอง
รายหลักได้ของสมาชิกที่ทำธุรกิจขายตรง ก็ได้มาจากเปอร์เซ็นต์จากการขาย
ดังนั้นคนที่จะทำธุรกิจนี้ ต้องเป็นนักขายมือทองทีเดียว จึงจะประสบความสำเร็จได้
รวมไปถึงสินค้าที่นำมาจำหน่ายก็ต้องสุดยอด หรือต้องมีจุดขาย ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจประกันชีวิต
แต่ธุรกิจขายตรงจะมีข้อจำกัดอยู่ที่เป็นงานที่ไม่สามารถหยุดทำได้
แชร์ลูกโซ่ (ความจริงไม่น่าจัดว่าเป็นธุรกิจได้)
แชร์ลูกโซ่นี้ผิดกฎหมายแต่ถ้าจับไม่ได้คาหนังคาเขา ก็ยังลอยนวลกันไป
ลักษณะการทำธุรกิจ
    เข้าใจว่าแชร์ลูกโซ่แบบดั้งเดิมนั้นจะหากินโดยใช้วิธีหาสมาชิกโดยบอกสมาชิกว่าให้นำเงินมาลงขันกัน
เพื่อให้บริษัทนำเงินไปลงทุนโดยที่สมาชิกไม่ต้องทำอะไรเลย ผู้คนจึงให้ความสนใจเนื่องจากเห็นว่าไม่ต้องทำอะไรก็ได้เงิน
แต่บริษัทเหล่านี้จะให้ผลตอบแทนเฉพาะในช่วงแรกเท่านั้นเพื่อจูงใจให้ผู้สนใจสมัครเป็นสมาชิกมากขึ้น
แต่เมื่อมีจำนวนสมาชิกมากขึ้นบริษัทก็จะปิดตัวหายเข้ากลีบเมฆไปเลยโดยที่ผู้เสียหายก็ไม่รู้จะไปเรียกร้องเอาเงินคืนจากใคร
เนื่องจากตัวบริษัทหรือที่ทำการบริษัทเหล่านั้นไม่มีอยู่จริง
แต่ในปัจจุบันก็ได้มีการดัดแปลงธุรกิจให้มีวิธีการหลากหลายมากยิ่งขึ้นโดยจะทำมาหากินกับการหาสมาชิกเป็นหลัก
แล้วก็หักหัวคิวกันเป็นรายๆไป อาจมาในรูปแบบของการหว่านล้อมแกมบังคับให้ซื้อสินค้าจำนวนมากๆ , ค่าสมัครสมาชิกที่แพง
การต่ออายุสมาชิก ฯลฯ ดังนั้นธุรกิจจึงต้องหาสมาชิกตลอดเวลา  ไม่มี สคบ. อย. ประเทศไทย
ส่วน สินค้าของธุรกิจนี้แทบจะไม่มีความหมาย หรือแทบจะไม่พูดถึงกันเลยทีเดียว ส่วนมากจะมีตัวสองตัว หรือเป็นสินค้าที่ไม่ความพิเศษอะไรเลย การทำงานจะไม่สามารถหยุดได้ต้องทำกันไปตลอดถึงจะมีรายได้ 
ปัจจุบันเราจะเห็นการทำธุรกิจประเภทนี้ระบาดหนักใน facebook,Hi5 ซึ่งเป็นการหลอกกินค่าหัวคิวกันเป็นทอดๆ
หลอกคนอื่นได้เยอะก็มีรายได้เยอะแต่มันไม่ยั่งยืนหรหรอกครับ แถมยังบาปอีกด้วย เพราะพวกนี้มันเป็นการหลอกกันแบบซึ่งๆหน้าเลย
ไม่มีการกระจายสินค้า ไม่มีกฎจรรยาบรรณการทำธุรกิจ ผิดกฎหมาย ไม่ผ่าน สคบ. ฯลฯ

 ธุรกิจเครือข่าย
ธุรกิจเครือข่ายอยู่ตรงกลางระหว่างขายตรงและแชร์ลูกโซ่ เปรียบเสมือนหมอกและควัน
ที่พูดแบบนั้นเพราะ
1.มันคล้ายกับธุรกิจขายตรงแบบเก่า
ธุรกิจเครือข่ายกระจายสินค้าสู่มือผู้บริโภคโดยผ่านเครือข่ายที่เราสร้างขึ้น
การกระจายสินค้าเป็นไปในลักษณะของการใช้ดีแล้วบอกต่อ ควบคู่กับการนำเสนอโอกาสทางธุรกิจ
โดยทั่วไปการนำเสนอไม่เน้นการขายสินค้าเพียงแต่ชี้ให้เห็นข้อดีและความคุ้มค่าของการทำการตลาดแบบเครือข่าย
หรือการขายไอเดียนั่นเอง ซึ่งมีผลตอบแทนมหาศาลโดยที่ผู้บริโภคไม่ได้เสียอะไร
เพียงแค่เปลี่ยนที่ซื้อสินค้าก็สามารถสร้างธุรกิจได้
ฉะนั้นธุรกิจเครือข่ายโดยส่วนมากที่ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายจะมีสินค้าที่คุณภาพสูงกว่าท้องตลาดเพื่อเป็นจุดขาย
เพื่อนๆอ่านแล้วอาจจะงงๆสรุปแล้วต้องขายหรือไม่ขายสินค้ากันแน่?!
สรุปง่ายๆอย่างนี้ครับคือ ไม่ขายสินค้าโดยตรงแต่เป็นการแนะนำให้รู้จักว่าใช้แล้วเห็นผลดีอย่างไร
ซื้อสินค้าใช้แล้วสร้างรายได้มากน้อยขนาดไหน  (บางคนไม่พูดถึงสินค้าเลยด้วยซ้ำ)
สมมติว่าปกติเพื่อนๆซื้อยาสีฟันที่ห้างแห่งหนึ่งเป็นประจำ แน่นอนว่ามันเกิดรายจ่ายแน่นอนไม่มีรายรับแต่ประการใด
แต่ถ้าเพื่อนๆเปลี่ยนที่ซื้อมาเป็นบริษัทที่ทำการตลาดแบบเครือข่าย (ที่ถูกต้องตามกฎหมาย มี สคบ.รับรอง)
เพื่อนๆจะได้แต้ม(Point Value)ติดตัวมาด้วยซึ่งไอ้แต้มที่ว่ามันก็คล้ายๆกับ Club Card
เวลาที่เราซื้อของที่ Lotus แต่มันต่างกันตรงที่ว่าในธุรกิจเครือข่ายแต้มของคนที่เราไปแนะนำให้เขามาซื้อ
และแต้มของคนอื่นๆที่อยู่ภายไต้สายงานหรือองค์กรของเราก็จะเป็นแต้มของเราด้วย
และแต้มเหล่านี้เองครับที่นำมาคิดเป็นรายได้ให้แก่สมาชิก และผลตอบแทนที่ได้จากแต้มเหล่านี้มันก็ไม่ใช่ตัวเลขหลักร้อยหลักพัน
แต่มันสามารถสูงถึงหลักแสนหลักล้านเลยทีเดียว แต่การที่เพื่อนๆจะร่วมธุรกิจเครือข่ายได้จะต้องมีนักธุรกิจมาแนะนำ
เพื่อนๆจึงจะสามารถทำธุรกิจได้ (ไม่สามารถสมัครโดยตรงกับบริษัทได้) เพราะเพื่อนๆจะต้องมีคนให้คำแนะนำและสอนงาน
ดังนั้นเราจึงพบว่าธุรกิจเครือข่ายจะต้องมีคนมาแนะนำนู่นนี่ให้เราเห็นอยู่บ่อยๆ
ซึ่งภาพดังกล่าวมันก็คล้ายๆกับการขายตรงแบบเก่าหรือการขายประกัน
แถมธุรกิจเครือข่ายบางตัวยังเน้นการขายสินค้าเป็นประเด็นหลักจึงทำให้ภาพลักษณ์ของธุรกิจเครือข่ายดูเพี้ยนๆไป
แต่ต่างกันตรงที่ธุรกิจเครือข่ายมันเป็นธุรกิจที่หยุดทำได้แต่รายได้ไม่หยุด และเป็นมรดกตกทอดได้
2.มันคล้ายกับแชร์ลูกโซ่ ตรงที่การทำธุรกิจต้องอาศัยการบอกต่อ
แต่สำหรับแชร์ลูกโซ่เพื่อนๆจะไม่ได้รู้รายละเอียดใดๆเลยนอกจากแค่การบอกว่าเป็นงานง่ายๆทำวันละ2-3ชั่วโมงรายได้เป็นแสน
พอเอาเข้าจริงมันก็คือการไปหลอกคนอื่นต่อกันไปเรื่อยๆ หยุดทำก็หยุดได้เงิน
ถ้าเรามีความรู้ผิวเผินอาจโดนหลอกไปทำแชร์ลูกโซ่แล้วคุณก็จะเกลียดธุรกิจเครือข่ายไปในตัวเพราะคุณนึกว่ามันคือตัวเดียวกัน
แต่สำหรับธุรกิจเครือข่ายนั้นสามารถสร้างรายได้หลักแสนหลักล้านได้แน่นอนแต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นงานง่ายๆ
และก็ไม่ใช่ว่ามันยากเกินความพยายามของคนเมื่อเทียบกับรายได้หลักแสนต่อเดือน
ซึ่งถ้าเป็นอาชีพอื่นคุณต้องเป็นระดับ CEO แหละครับถึงจะมีรายได้หลักแสน
เอาง่ายๆคือถ้าเพื่อนๆเป็นคนที่มีความพยายาม มีวินัยผมว่าเพื่อนๆทำอาชีพนักธุรกิจเครือข่ายสำเร็จแน่นอนครับ
ถามว่าต้องมีความพยายามระดับไหนล่ะ? ก็อย่างเช่นเพื่อนๆสามารถเรียนจบมหาลัยได้
เพราะถ้าเทียบกันแล้วผมว่าการเรียนกว่าจะจบได้นั้นมันยากกว่าทำธุรกิจเครือข่ายเยอะครับ
แต่ธุรกิจเครือข่ายมันไม่มีใครมาบังคับเรา เราก็เลยอาจจะถอดใจเลิกทำดื้อๆไปเลย
บางคนไม่จบมหาลัยก็ทำสำเร็จมาเยอะแยะครับแต่ประเด็นก็คือมีความพยายาม และมีวินัยนั่นแหล่ะครับ
ลักษณะการทำธุรกิจ
    ธุรกิจนี้มีสินค้าจำหน่าย แต่ไม่ได้เน้นให้เอาไปขายใคร คือเน้นให้สมาชิกได้ใช้เป็นหลัก
ดังนั้นสินค้าของธุรกิจนี้จะต้องสุดยอดเช่นกันเพื่อให้เกิดการใช้ซ้ำ สินค้าควรมีความโดดเด่น เป็นความต้องการของผู้บริโภค มี อย.ในหลายประเทศยิ่งดี มีแผนตอบแทนรายได้แก่นักธุรกิจที่ชัดเจน แน่นอน 
 
การทำธุรกิจเครือข่ายจึงมีแรงขับเคลื่อนจากสองทางนั่นคือ
1.มาจากความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภค และการอุปโภคเหล่านี้เองที่ทำให้เกิดรายได้สะท้อนกลับมา
2.แรงขับเคลื่อนจากผลตอบแทนในการทำธุรกิจเนื่องจากมีผลตอบแทนที่คุ้มค่า ข้อนี้เองที่เป็นแรงผลักดันตัวสำคัญในการขยายเครือข่ายอย่างรวดเร็ว

โดยส่วนมากแล้วบริษัทที่ทำเป็นเครือข่าย จะสามารถทำเป็นแบบขายตรงได้ด้วย
ดังนั้นบริษัทเดียวกัน คุณอาจจะเห็นสมาชิกบริษัทนั้น มีทั้งสไตล์ขายตรง และสไตล์เครือข่าย
ต่อไปนี้คุณคงไม่สับสนแล้ว เพราะบางท่านก็ยังไม่รู้ตัวว่าทำทั้ง 2 สไตล์เลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น