วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554

ที่มาของรายได้ในธุรกิจเครือข่าย

  หลายคนอาจเคยได้ยินมีคนมาพูดว่าทำธุรกิจเครือข่ายแล้วมีรายได้เป็นแสน เป็นล้านต่อเดือน คงเกิดความสงสัยอยู่แล้วว่าบริษัทจะเอาเงินจากไหนมาจ่ายเยอะขนาดนั้น จ่ายจริงหรือเปล่า
   คงต้องย้อนกลับไปดูการตลาดแบบเก่าครับว่าค่าการตลาดที่ผู้บริโภคไม่รู้มีลักษณะโครงสร้างเป็นยังไง ค่อยมาดูโครงสร้างการตลาดแบบใหม่ แล้วจะรู้ว่าเค้าเอาเงินจากไหนมาจ่ายเยอะขนาดนั้น


ดูจากรูปด้านบนก่อนนะครับ จะเป็นการตลาดแบบเก่าที่เราคุ้นเคยกันดี
 สินค้าที่เราซื้อมา 100% สมมติว่าราคา 100 บาท
ต้นทุน+กำไรจากโรงงานจะอยู่ที่ 40 บาท หรือ 40%
อีก 60 บาท หรือ 60% จะไปตกอยู่กับคนกลาง ซึ่งก็คือ การโฆษณาสินค้า ธุรกิจค้าส่ง ธุรกิจค้าปลีก
โดยเราในฐานะผู้บริโภคต้องจ่าย 100 บาท หรือ 100% เต็ม



แต่การตลาดแบบใหม่ (ดูจากรูปด้านล่าง) จะเห็นว่า คนกลางจะถูกตัดออกจากระบบ สังเกตุง่ายๆ ครับ สินค้าจะไม่มีโฆษณาทางโทรทัศน์ ซึ่งถ้าไม่มีโฆษณาโทรทัศน์ นั่นก็แปลว่า ไม่มีค่าเช่าสัญญาณดาวเทียม (คิดเป็นวินาที หลักแสนบาทขึ้นไป ถ้าเป็นช่วงเลิกงาน เลิกเรียน วันหยุด ค่าเช่าช่องสัญญาณจะแพงเป็นเท่าตัว) ไม่มีค่าตัวดารา และก็ไม่มีค่าจ้างทำโฆษณา สินค้าไม่มีขายในห้างสรรพสินค้า หรือไม่มีแม้กระทั่งร้านขายของเล็กๆ น้อยๆ

จากโครงสร้างนี้ สินค้าที่เราซื้อมา 100% สมมติว่าราคา 100 บาท
ต้นทุน+กำไรจากโรงงานจะอยู่ที่ 40 บาท หรือ 40%
โดยเราในฐานะผู้บริโภคต้องจ่าย 100 บาท หรือ 100% เต็ม เช่นกัน

ความแตกต่างอยู่ที่ เงิน 60 บาท หรือสัดส่วน 60% ที่ตัดออกจากคนกลาง
บริษัทจะนำมาทำเป็นเงินปันผลให้กับนักธุรกิจเครือข่ายตามแผนการตลาดที่บริษัทกำหนด
 ถือว่าเป็นค่าโฆษณา หรือค่าลิขสิทธิ์แทนครับ
ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่มหาศาลมากๆ ครับ ถ้าคนใต้องค์กรของเรามียอดซื้อกินซื้อใช้ 50 ล้านบาท
ทำไมบริษัทจะจ่ายโบนัสเป็นแสน เป็นล้านให้เราไม่ได้...










2. แบบ Passive Income คือ รายได้ที่ไม่จำเป็นต้องทำงานก็มีรายได้ หยุดทำงาน แต่รายได้ไม่หยุด
มักจะพบในบางอาชีพเท่านั้น เช่น ให้เช่าหอพัก คอนโด, อสังหาริมทรัพย์, ลิขสิทธิ์ทางปัญญา, แฟรนไชน์ ธุรกิจเครือข่าย
 












ธุรกิจเหล่านี้ แน่นอนว่าต้องมีการลงทุนที่สูง เช่น 7-11 ยังไงก็ลงทุนไม่ต่ำกว่า 2 ล้าน ให้เช่าหอพักหรือคอนโดก็ลงทุนหลายล้าน คงไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นแน่ๆ

  ทีนี้มาดูธุรกิจเครือข่ายกันดีกว่า ลงทุนสมัครเป็นสมาชิกไม่เกิน 300 บาท ทำงานสร้างกลุ่มผู้ใช้สินค้า ใช้ระยะเวลาสร้างไม่เกิน 2 ปีสำหรับรายได้หลักหมื่นต่อเดือน สำหรับคนขี้เกียจ แต่ถ้าคนขยัน มุมานะ ไม่กี่เดือนก็ทำได้แล้ว
   ข้อดีอีกอย่างคือ เครือข่ายสามารถขยายเองได้ ถ้าเทียบกับตึกหรือคอนโดแล้วไม่สามารถขยายชั้น หรือขยายห้องเองได้ จะขยายได้ก็ต้องลงทุนเพิ่ม

รูปแบบของรายได้แบ่งเป็น 2 รูปแบบ
1. แบบ Active Income คือ รายได้ที่ต้องทำงานเท่านั้นถึงจะมีรายได้ ถ้าหยุดทำงาน รายได้ก็หยุดตามไปด้วย
มักจะพบในอาชีพ มนุษย์เงินเดือน และ คนหาเช้ากินค่ำ ที่ต้องเอาแรงกายและเวลาเข้าแลก ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น